ขายรถพุ่มพวงไม่เกิด หวนเปิดร้านคาราโอเกะ เป็นแม่เล้าค้ากามเด็ก ตร.รวบน้ำตานอง
รวบแม่เล้า เจ้าของร้านคาราโอเกะ ค้ากามเด็ก ร่ำไห้รับเคยเปิดคาราโอเกะมา 14 ปี ก่อนหันไปทำรถพุ่มพวง แต่กำไรน้อย เลยหวนเปิดร้านอีกครั้ง ยืนยันไม่รู้เรื่อง
เมื่อวันที่ 18 ก.ย.68 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ นำหมายศาลจังหวัดบุรีรัมย์ที่ 546/2568 ในข้อหากระทำการค้ามนุษย์ เข้าควบคุมตัว น.ส.อ้อย อายุ 45 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะ แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ หลังจากก่อนหน้านี้ตำรวจพุทไธสง ล่อซื้อกลุ่มผู้ขายบริการเด็กอายุไม่ถึง 15 ปี ได้ 3 คน ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าใช้ร้านคาราโอเกะแห่งนี้เป็นที่นัดหมายการขายบริการ โดยเจ้าของร้านจะได้ส่วนแบ่งครั้งละ 200-300 บาท สืบเนื่องจาก พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ มอบหมายให้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รอง ผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เร่งสืบหาตัวบงการให้ได้ เพราะเชื่อว่าเด็กไม่สามารถหาลูกค้าเองได้ โดยเฉพาะผู้ใช้บริการส่วนใหญ่จะเป็นคนสูงอายุ จะไม่สามารถเชื่อมต่อกับเด็กวัยรุ่นโดยตรงได้ ต่อมา พ.ต.อ.ธัชพล ส่องแสง ผกก.สภ.พุทไธสง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ สืบสวนและพบว่าเจ้าของร้านคาราโอเกะ มีส่วนรู้เห็นกับการขายบริการดังกล่าวของเด็ก ก่อนจะขอศาลออกหมายจับ น.ส.อ้อย มาดำเนินคดี
น.ส.อ้อย ให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ทั้งน้ำตาว่า ยอมรับว่าเคยเปิดร้านคาราโอเกะมานานกว่า 14 ปี หลังจากนั้นเลิกกิจการ และหันตัวมาเร่ขายอาหารตามหมู่บ้าน(รถพุ่มพวง) แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ได้กำไรน้อย เพราะมีคนขายหลายเจ้า จึงย้อนกลับมาเปิดร้านคาราโอเกะอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าไม่รู้ไม่เห็นว่า เด็กไปขายบริการอย่างไร ก่อนหน้านั้นเด็กจะมาเที่ยวที่ร้านเป็นประจำ ต่อมาขอมาทำงาน แต่ตนไม่ได้ให้ค่าแรง ส่วนการขายบริการตนไม่รู้ว่าเขาตกลงกันอย่างไร นัดเจอกันที่ไหน เพราะเด็กไม่ได้พักอยู่ที่ร้าน ยืนยันไม่รู้เรื่อง และไม่ได้หัวคิวจากเด็ก อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อตามคำให้การ เพราะมีหลักฐานหลายอย่างชี้ได้ว่า รู้เห็นเป็นใจเด็กให้เด็กขายบริการ เบื้องต้นตั้งข้อหา น.ส.อ้อย “กระทำการค้ามนุษย์ โดยแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีซึ่งกระทำต่อบุคคล อายุไม่เกิน 15 ปี, กระทำการใดๆอันเป็นการช่วยเหลือ ให้ความสะดวกหรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น, รับผลประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี, จัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ, เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่นเป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือพาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม” รวม 5 ข้อหา
ด้าน พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า คดีนี้เป็นการขยายผลคดีที่ 3 ที่ชุดสืบสวน สภ.พุทไธสง ติดตามพฤติกรรมเด็กเกี่ยวกับการค้าประเวณีและการค้ามนุษย์ จนแน่ชัดว่าเจ้าของร้านคาราโอเกะ คือน.ส.อ้อย มีผลประโยชน์กับการค้าประเวณีนี้ด้วย
ดังนั้นจึงอยากจะฝากไปถึงเจ้าของร้านสถานบริการต่างๆที่รับเด็กที่มีอายุไม่ถึง 18 ปีเข้ามาในร้านหรือทำงานเกี่ยวกับการขายบริการคือการค้ามนุษย์ ให้ระวังการกระทำดังกล่าวไม่ว่าจะได้ผลประโยชน์ในรูปแบบไหนก็จะถูกดำเนินคดี เพราะมีโทษรุนแรง
ที่มา : ข่าวสด


