รัวสนั่นหน้าศาลาหมู่บ้าน คนร้ายควงปืนกระหน่ำยิงใส่วัยรุ่น ดับ 1 สาหัส 1
อุกอาจ กลุ่มวัยรุ่นควงปืนลูกซอง-ปืนสั้น กระหน่ำยิงใส่คู่อริ หน้าศาลาประชาคม บ้านเขิน จ.ศรีสะเกษ ดับ 1 บาดเจ็บสาหัส 1 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเที่ยงคืนวันที่ 15 เม.ย. 2568 ได้เกิดเหตุมีกลุ่มวัยรุ่นกระหน่ำยิง มีคนเสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย เหตุเกิดที่ศาลาประชาคม บ้านเขิน หมู่ 4 ต.เขิน อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจที่เกิดเหตุ โดยนายใยลักษ์ จันโท กำนันตำบลเขิน ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูจุดเกิดเหตุ ซึ่งบริเวณจุดเกิดเหตุ พบมีคราบเลือดกองอยู่บริเวณดังกล่าว มีรถจักรยานยนต์ของกลุ่มผู้ตาย ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำแดง หมายเลขทะเบียน ขตล 172 ศรีสะเกษ จอดอยู่ โดยผู้ตายคือ นายพีระพันธ์ วงศ์แสง อายุ 15 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บคือ นายณัฐพล พรมตา อายุ 18 ปี

จากการสอบถาม นายใยลักษ์ จันโท กำนันตำบลเขิน เปิดเผยว่า วันที่เกิดเหตุตนคุมงานหมอลำอยู่ที่วัด มีคนโทรไปแจ้งว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิต ตนจึงเดินทางมาที่เกิดเหตุ เหตุเกิดขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงคืนกว่าของวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2568 ตนมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นรถ 2 คันล้มอยู่ และมีวัยรุ่นชาย 2 คนนอนอยู่ ตนจึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและโรงพยาบาลให้เข้ามาช่วยเหลือ
คนที่ถูกยิงเสื้อขาวชื่อพี ถูกยิงเข้าที่หลังและหัวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ อีกคนใส่เสื้อสีแดงถูกยิงเข้าที่หัว นำส่งโรงพยาบาล ส่งต่อไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสัมประสิทธิ์สิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี อาการโคม่า ตนไม่ทราบว่าทั้ง 2 กลุ่มยิงกันเพราะสาเหตุอะไร แต่คาดว่าน่าจะมีการเขม่นกันมาก่อน แต่แปลกตรงที่ว่าวัยรุ่นทั้ง 2 กลุ่ม อายุค่อนข้างห่างกัน และน่าจะเป็นการจอดรถคุยกัน รถของผู้ตายและผู้บาดเจ็บไม่ได้ขับหรือวิ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นเรื่องที่อุกอาจ ตนเองก็ไม่เคยเจอเหตุการณ์ใช้อาวุธปืนแบบนี้ ถ้ามีการทะเลาะวิวาทก็มีแค่ปากเสียง หรือใช้กำลังแค่นั้น ตนอยากให้ส่วนราชการหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูเรื่องอาวุธปืนที่นำมาก่อเหตุ และอยากให้มีกล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน เวลามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะได้จับภาพและหาหลักฐานได้ง่าย และดูเรื่องยาเสพติดที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดจุดเกิดเหตุ จะเห็นว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุพากันใช้ทั้งอาวุธปืนลูกซอง และอาวุธปืนสั้น กระหน่ำยิงประมาณ 8 นัด แล้วมีการเดินเข้าไปดูกลุ่มผู้ตาย เพื่อยืนยันการเสียชีวิตอีกด้วย
ที่มา : ไทยรัฐ


